|
|
|
นกเขียวก้านตอง (Leafbirds)
|
|
|
เป็นนกขนาดกลางซึ่งมีขนแทบทั้งตัวสีเขียวเข้มอย่างกับสีของใบไม้ ทุกๆ ชนิดมีขนาดเล็กกว่า นกปรอดสวน นกชนิดนี้ไม่ชอบการทำมาหากินเป็นฝูงน้อยๆราว4-8 ตัว เทียวหาแมลงและหนอนตามใบไม้กิน ลูกไม้เล็กๆ
หลายชนิด มันก็กิน มดแดงมันชอบกิน เวลาที่มันหากินนี้น่าดูมาก คือบางที่มันก็ กิ่งไม้
จะขยับหมุนไปทางไหนก็ดูคล่องแคล่ว
ว่องไวคล้ายกับนักห้อยโหนตัวย
นกเขียวก้านตองชอบเอาปากและหัวเข้าไปค้นหาแมลงในดอกไม้บาน
ฉะนั้นนกชนิดนี้จึงเป็นประโยชน์ในการ
กระจายเกสรของดองไม้ ให้ผสมพันธุ์จากดอกหนึ่ง หรือจากต้นหนึ่งไปยังต้นอื่นๆ
นกเขียวก้านตองหลายชนิดร้อง
เสียงกลมกล่อมไพรเราะมาก นักเลี้ยงนกหลายคนชอบจับไปเลี้ยงเป็นนกกรงสำหรับไว้ฟังเสียงเพลง
นกเขียวก้านตองทำรังเป็นรูปถ้วยหรือเป็นรูปเปลญวนหย่อนๆ ด้วยใบหญ้าแห้ง
รากฝอยของไม้ยึดสานให้เป็น
รูปรังด้วยใยแมงมุมและแมลงไหม รักนี้มักจะแขวนห้อยอยู่ตรงปลายกิ่งไม้ซึ่งมักจะสูงจากพื้นดิน ในเมืองไทยมีอยู่
5 ชนิดแต่ที่พบบ่อยๆ ตามไร่สวนมี 2 ชนิด ดังที่ในภาพนี้
นกเขียวก้านตองหน้าผากสีทอง (Golden-fronted Leatbird)
ชนิดนี้ตัวเมียเหมือนกันมาก แต่ตัวผู้มีแถบเหลืองรอบๆแถบดำใต้ตอ ตัวเมียไม้มีแถบเหลืองดังกล่าว
นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้า (Blue-winged Leafbird)
ชนิดนี้ที่ขอบปีกเป็นสีฟ้า ตัวผู้ใต้คอเป็นสีดำ
|
|
|
$$
นก $$ |
|
-
นกเขียวก้านตอง
- นกหัวขวาน
-
นกตะขาบทุ่ง
-
นกกระจิบ
-
นกดุเหว่า
|
|
|
|
>>TOP<<
|
|
|
นกหัวขวาน(Woodpeckers) |
|

|
ในเมืองไทยมีถึง 36 ชนิด
บางมีขนาดเกือบเท่าอีกา
บางชนิดมีขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ
มีปากแข็งอย่างกับสิ่ว
ใช้ปากเจาะเปลือกไม้และไม้ผุๆ
เพื่อหาตัวด้วงตัวหนอนกิน
เจาะไปพบรูของตัวหนอนที่ไชไปตามเนื้อไม้แล้ว
ก็ใช้ลิ้นอันยาวตรงปลายมีเงี่ยงและมีน้าลายเหนียว
สอดไปตามรูดึงเอาตัวด้อง
ไข่มด และแมลงออกมากิน
นกพวกนี้ชอบเกาะข้างๆต้นไม้เอาหางซึ่งมีขนหางเป็นเส้นค่อนข้างแข็งยันให้ตัวของมันตั้งตนขึ้น
มันจะกระโดด
ไต่ขึ้นลงหากินหนอนและแมลงตามต้นไม้ได้คล่องแคล่ว
ถึงฤดูผสมพันธุ์มันจะเอาปากเจาะทำโพรงรังในลำต้นไม้
วางไข่และเลี้ยงลูกอ่อนในโพรง
ตัวผู้ส่วนมากมีหงอนสีแดงบนหัวและมีแถบแดงข้างแก้มตัวเมียหัวมักเป็นสีดำ
ตัวผู้บางชนิดทำเสียงดัง
"กรอ------"
เป็นเสียงรัวราว 3-4
วินาทีก็หยุด
นกหัวขวานสีน้าตาล
(Rufous Woodpecker)
เป็นสีน้าตาลทั้งตัว
พบตามป่าโปร่งทั่วไป
นกนี้ชอบเจาะโพรงทำรังในรังมดดำซึ้งเป็นก้อนกลมๆอยู่บนกิ่งไม้สูง
จากพื้นดินราว 5-6 เมตร
เป็นเรื่องน่าแปลกและน่าคิดไม่น้อยว่าทำไมมดดำในรังนั้นซึ่งตามธรรมดาเป็นมดที่ดุและ
กัดเก่ง
จึงไม่กัดกินลูกนกเมื่อฟักออกมาจากไข่ |
|
|
>>TOP<< |
|
|
นกตะขาบทุ่ง [Indian Roller]
|
|
|
นกนี้พบเกาะตามสายโทรเลขข้างถนนตามท้องนาและตามไร่สวนทั่วไป มันชอบเกาะตามที่เด่นๆ สูงๆ
ตาของมัน
มองลงไปเพื่อหาเหยื่อ เช่น ตั๊กแตน จิ้งหรีด ลูกกบ เขียด บนพื้นดินข้างล่าง
เมื่อมองเห็นเหยื่ออะไรก็บินโฉบลงไป
จับคาบ แล้วก็พาขึ้นไปเกาะสายไฟหรือกิ่งไม้ที่มันเกาะอยู่เดิม
คาบเอาเหยื่อกดเข้ากับสายไฟหรือกิ่งไม้เพื่อให้เหยื่อ
นั้นคอหักตายแล้วจึงกลืนต่อไป
หากมีชาวไร่ชาวนาเผาทุ่งหญ้าหรือเผาป่าที่ไหน
นกนี้และนกแซงแซวจะพากันบินมา
เกาะตามต้นไม้รอบๆเป็นฝูงใหญ่ๆ เพื่อคอยโฉบจับตั๊กแตนและแมลงที่จะบินหนีจากไฟบางครั้ง
นกนี้จะไปอยู่รวมๆกัน
ตามต้นไม้รอบๆบริเวณนั้นตั้งหลายๆสิบตัวพอถึงต้นฤดูฝน นกนี้จะเลือกคู่ เวลามันเลือกคู่นั้นน่าดูยิ่งนัก
คือมันจะพา
กันบินโฉบเฉี่ยวตามกันไปมาในอากาศคล้ายกับนกบินพลิกแพลงผาดดผนชั้นดาราทองพร้อมกับทำเสียงแหบๆของมัน
เป็นตอนๆและในขณะที่มันบินเช่นนี้
ปีกสีน้ำเงิน สีเขียว ของมันจะรับกับแสงแดดทำให้เห็นเป็นสีสวยสด น่าดูยิ่งนัก
เมื่อเลือกคู่เสร็จแล้วก็จะพากัน
ไปหาที่ทำรังตามโพรงไม้หรือตามรูตามซอกตึก นกนี้ตัวผู้ตัวเมียสวยเหมือนกัน
ฉะนั้นทั้งนกผู้นกเมียช่วยกันทำ
รังผลัดกันกกไข่ และช่วยกันหาอาหารมาเลี้ยงตัวอ่อน ไม่เกี่ยงกันงอนกันเลย น่าชมยิ่งนัก
|
|
|
>>TOP<< |
|
นกกระจิบ
Tailorbirds
|
|
|
นกกระจิบเป็นนกเล็กๆ พวกหนึ่งที่รู้จักใช้ปากเย็บขอบใบไม้ด้วยเยื่อใยไม้ทำให้เป็นกรวยรังแล้วคาบเอาเยื่อใย ปุยนุ่น
และฝ้ายมา รองรัง เสร็จแล้วก็วางไข่ฟองเล็กๆโตกว่าไข่จิ้งจกเล็กน้อยเพราะมันเป็นนกช่างเย็บฝรั่งเรียก
มันว่าTailorbirds แต่คนไทยชอบเรียกว่านกกระจิบตามสำเนียงที่มันร้องถี่ๆว่ากะจิ๊บกะจิ๊บ
กะจิ๊บ มักพบตามไร่
สวนทั่วไป
นกกระจิบมีแต่ในประเทศโซนร้อนราว7ชนิด และมีในประเทศไทยถึง 5ชนิดแต่ที่เราพบเห็นกันบ่อยคือ
นกกระจิบธรรมดา ซึ่งบางทีก็เรียกกันว่านกกระจิบสวน เพราะได้ยินมันร้องบอกชื่อตามในสวน
ตัวมันเล็กมากและ
มันหากินในพุ่มไม้จึงมักมองมันไม่ใคร่เห็น
นกกระจิบธรรมดานี้ในฤดูผสมพันธุ์(คือฤดุฝน)ตัวผู้จะมีขนหางเส้นกลางคู่หนึ่งยาวยื่นเลยขนหางอื่นๆ ออกไป มันชอบกระดกหางตั้งขึ้นไปเป็นที่ๆ นกกระจิบสวนมีขนที่หน้าผากเป็นสีแดงผิดจากนกกระจิบดงที่บนหัวเป็นสีแดงถึง
ท้ายทอย นกกระจิบสวนร้องดัง กะจิ๊บ กะจิ๊บ แต่นกกระจิบดงร้องดัง กรี๊ กรี๊ เป็นเสียงยาวๆนกกระจิบดงเวลาตื่นเต้น
เข้าก็มักพองขนคอให้เห็นขนสีดำๆที่คอและหน้าอก
นกกระจิบตัวเล็กมากก็จริง แต่ถ้ามีนกอื่นหรือจิ้งเหลน
กิ้งก่า
หรือแม้แต่แมวเดินเข้าไปใกล้รังหรือลูกของมัน
จะบินเข้าไปใกล้ ทำท่าจะจิก และขับไล่ศัตรูให้ไปเสียให้พ้น น่าชมนัก
|
|
|
>>TOP<< |
|
|
นกดุเหว่า [ COMMON KOEL] |
|

|
ใครๆก็คงเคยได้ยินเสียงนกดุเหว่าร้องบอกชื่อของมันเองว่า "ดุเว้า ดุเว้า" ตอนจวนสว่าง และในเวลาตกเย็น และ เช้าตรู่ บางคนชอบเรียกมันว่า 'นกกาเหว่า' เพราะตัวผู้มีสีดำทั่วทั้งตัวเหมือนกา
ส่วนตัวเมียเป็นสีน้ำตาลมีลายขาว
ตามตัว บางคนจึงเรียกเป็น 'ดุเหว่าลาย' นกตัวเมียมักร้อง กิ๊กๆ แก๊กๆ
คล้ายกับทำสะดิ้งหรือดัดจริตเมื่อถูกตัวผู้
บินไล่จะผสมพันธุ์
นกดุเหว่าอยู่ในพวกนกคัคคู ซึ่งไม่รู้จักทำรังและไม่รู้จักกกไข่เอง นางนกดุเหว่าตัวเมียจะไปแอบวางไข่ไว้ในรังกา ไข่ของนกดุเหว่าฟักออกเป็นตัวภายใน 13-14วันออกเป็นตัวก่อนไข่อีการาว 6-7
วันลูกนกดุเหว่าไม่พยายามเอากัน
และหลังดันไข่หรือลูกกาให้ตกจากรังเหมือนนกคัคคูชนิดอื่นๆ แต่เมื่อนกดุเหว่าฟักออกมาจากไข่ก่อนลูกนกเจ้าของรัง มันก็อ้าปากขอเหยื่อกินจากแม่นกได้มากกว่าลูกกาที่พึ่งออกมาจากไข่ภายหลัง
ในที่สุดลูกกาเองมักไม่ได้รับอาหาร
เพียงพอ สู้ลูกนกดุเหว่าไม่ได้ ลูกกาก็มักอดตายไปเอง เหลือแต่ลูกดุเหว่าอยู่ในรังเท่านั้น
นกดุเหว่าชอบกินลูกไม้ต่างๆ จิ้งจก แมลง กบ เขียด ที่มันพอจะจับกินได้ |
|
|
>>TOP<< |
|
|
|